นับจากวันที่ผมป่วยจากเส้นเลือดในสมองแตกจนทำให้ร่างกายซีกขวาชาและอ่อนแรง...ไม่สามารถเดินได้...ไม่สามารถใช้มือขวาได้เลย...ปากเบี้ยวทำให้พูดช้าและไม่ชัด...และผิวหนังมีอาการชาไม่สามารถรับรู้สัมผัสอื่นใดได้เลย...
จนถึงวันนี้ที่ผมสามารถเดินได้ดีขึ้นมากแล้ว...เริ่มวิ่งเยาะๆ ได้บ้างแล้ว...สามารถใช้มือขวาในกิจวัตรประจำวันได้แล้ว...มีแรงพอที่จะเปิดขวดน้ำดื่มได้...ยกของหนักได้บ้างแล้ว...สามารถพูดได้ดีขึ้น...ส่วนอาการชาตามผิวหนังก็ค่อยๆ ดีขึ้น...และวันนี้ก็ได้เริ่มต้นทำงานที่ไร่เต็มเวลาแล้ว
รวมเวลาป่วยและฟื้นฟูร่างกายทั้งสิ้น 33 วัน (ระหว่าง 31มค-5มีค)...อะไรเป็นเหตุปัจจัยที่ทำให้การฟื้นฟูร่างกายกลับมาได้อย่างรวดเร็ว...ก็คงพอจะสรุปได้เป็นข้อๆ ดังนี้
1. พลังใจ...จากภรรยาสุดที่รัก ที่ดูแลเอาใจใส่ตลอดเวลา...จากลูกรัก ที่เป็นกำลังใจ...จากพ่อ ที่เป็นห่วง เอามือมาลูบแขนลูบขาแล้วถามว่า รู้สึกมั๊ย? รวมถึงญาติพี่น้องทุกๆ คน
2. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโรคหลอดเลือดสมอง...ได้รับข้อมูลจากคุณหมอลูกศิษย์ของคุณยายและการค้นหาอ่านข้อมูลเพิ่มเติมจากเน็ต...ก็สรุปได้ว่า...ภายในสามเดือนแรกจะสามารถฟื้นฟูร่างกายกลับมาได้อย่างรวดเร็ว...และการฟื้นฟูจะช้าลงไปตามระยะเวลาที่ผ่านไป
3. ความมีสติจึงไม่ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า...มีโอกาสได้พูดคุยกับหลายๆ คนที่ป่วยเช่นเดียวกับผม ก็พบว่าส่วนใหญ่จะมีอาการภาวะซึมเศร้าอยู่นานหลายสัปดาห์เพราะรับไม่ได้ถึงสภาพที่เกิดขึ้น...ถึงขั้นคิดฆ่าตัวตายก็มี...แต่ด้วยการฝึกฝนปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอทำให้ตัวผมเกิดมีสติที่เพียงพอที่ไม่อยู่ภายใต้ภาวะซึมเศร้า
4. สุดท้ายก็คือ ความเพียรพยายามฟื้นฟูร่างกายผสมผสานกับการสวดมนต์ทำสมาธิ...ที่เป็นปัจจัยทำให้ร่างกายได้รับการฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว...เพราะผมเชื่อว่าปัญหาอยู่ที่การควบคุมสั่งการของสมอง...ผมจึงเน้นฝึกฝนทำกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูการสั่งการควบคุมร่างกายซีกขวา...
ตารางเวลาที่ยกตัวอย่างมาให้ดูตรงนี้จะทำให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น
เช้ามืด...สวดมนต์ทำสมาธิภาวนา
ฟ้าเริ่มสว่าง...ออกฝึกเดิน ฝึกวิ่ง เสร็จแล้วก็ทำกิจวัตรประจำวัน
หลังอาหารเช้า...ทำกายภาพบำบัดหลังจากสวดมนต์ทำสมาธิภาวนา
ก่อนอาหารเที่ยง...ใช้เวลาที่ว่างฝึกการใช้นิ้วมือ เช่น การหยิบก้อนหินเล็กๆ, การฝึกเขียน เป็นต้น
บ่าย...ทำกายภาพบำบัดและพักผ่อน
เย็น...ทำงานที่โรงเรือนให้อาหารสัตว์
หลังอาหารเย็น...สวดมนต์ทำสมาธิภาวนาพร้อมการทำกายภาพบำบัด
หัวค่ำ...ฝึกมือในการใช้คอมพิวเตอร์โดยการทำเว็บบล็อก Stroke31jan13.blogspot.com
ก่อนนอน...สวดมนต์ก่อนนอน
จะเห็นได้ว่า...ผมใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่า...มีความเพียรที่จะฝึกฝนปฏิบัติเช่นนี้ทุกวัน จนทำให้ผมสามารถกลับมาทำงานได้เต็มเวลาแล้ว และผมก็เชื่อว่าเรี่ยวแรงของแขนขาก็จะกลับมาเป็นเช่นเดิมในเวลาอีกไม่นาน